เนื่องจากโพสที่แล้ว หมูทอดของฉันหายไป วันนี้ได้คุยกับคนขับ Uber บ่นเรื่องนี้ คนขับบอกว่า เดี๋ยวมันก็กลับมา โครงการของเมืองไทยมันอยู่ไม่นานหรอก
ใช่ เป็นที่รู้กันว่า ไม่ว่าโครงการไหนๆของภาครัฐ ก็เห่ออยู่ไม่นาน โครงการตาวิเศษเห็นนะ โครงการที่ใครอายุเกิน 30 เนี่ยรู้จักแน่นอน เหมือนจะเป็นโครงการที่ได้ผลอยู่ระยะหนึ่ง และมันก็หายไป 10 ปีต่อมา มันกลับมาพร้อมกับโครงการ ทิ้งขยะลงพื้นปรับ 2000 บาท มีตำรวจตั้งจุดตรวจอยู่เป็นระยะๆ และมันก็หายไป
![]() |
ที่มาภาพ : http://teen.mthai.com/variety/88074.html |
ทำให้กลับมาคิดว่าทำไมนะ ทั้งๆที่ดูแล้วตัวโครงการมันก็ดี เมืองนอกเขาก็ทำกันแบบนี้ แต่ทำไมประเทศอื่นถึงทำแล้วได้ผล แต่ประเทศไทย กลับเป็นโครงการที่หายจ๋อม คิดไประหว่างทาง มองถนนไปเรื่อยๆ มีขยะไปทั่วเลยตามพื้น... ไม่สิ ไม่มีขยะเท่าไรนะวันนี้
ใช่แล้ว
เพราะว่าช่วงนี้ร้านขายของข้างทางแถวบ้านนั้น หายไปหมดเลย คนเลยไม่มีร้านซื้อของข้างทาง เมื่อไม่ไม่ได้ซื้อ ก็ไม่มีขยะให้ทิ้ง พ่อค้าแม่ค้าข้างทางก็ไม่มี เลยไม่มีขยะมาวางกองๆ เหมือนกัน
ความแตกต่างระหว่างเมืองไทยและเมืองนอก
เนื่องจากตอนนี้เราทำงานให้ภาครัฐ เรารู้อย่างถ่องแท้ว่า เวลาพวกนายๆทั้งหลายไปดูงานเป็นยังไง ทำให้เราสามารถจินตนาการเวลาผู้ใหญ่ทั้งหลายไปดูงานเรื่องโครงการไม่ทิ้งขยะได้ด้วย ฝรั่งก็คงพาไปดูระบบของประเทศเขา อธิบายข้อดีไปสิ ระบบทำยังไง รงณรงค์ยังไง พวกนี้กลับมาก็ทำรายงาน และพวกเขาเริ่มใช้กันนะ แต่เราลืมไปหรือเปล่าว่าระหว่างประเทศเขาและประเทศเราก็มีข้อแตกต่าง ที่ฝรั่งที่ไม่เคยมาประเทศไทย ไม่มีทางรู้และเข้าใจ
ประเทศไทยนั้น มีร้านอาหารขายของข้างทางเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะมุมไหน ตรอกซอกซอยไหนก็มี แถมอาหารบ้านเรานั้น อุดมไปด้วยน้ำจิ้ม น้ำมัน หรือกลิ่นควันย่างที่ตะลบอบอวน คนไทยส่วนมากเคยชินกับการเดินแล้วซื้อของตามทาง หลายคนเดินไปกินไป แน่นอนว่า เมื่อทานหมดต้องหาที่ทิ้ง
รัฐพยายามปลูกจิตสำนึกให้เอาขยะใส่กระเป๋ากลับไปทิ้งที่บ้าน เหมือนญี่ปุ่น แต่อาหารญี่ปุ่น ที่ขายข้างทางแบบซื้อเดินทานนั้นแทบไม่มี เพราะเขาถือว่าการเดินทานนั้นเสียมรรยาท ถ้าจะทานก็ต้องหาที่นั่งทานให้เรียบร้อย ในพื้นที่ที่รัฐจัดไว้ให้ ซึ่งส่วนมากมีถังขยะรองรับทั้งนั้น
กลับมาที่เมืองไทย ใครจะเอาถุงหมูปิ้ง ไส้กรอกทอด หมูทอด ใส่ลงกระเป๋าตัวเองบ้าง ถ้าแบบแยกน้ำจิ้มอาจจะพอมีคนทำ แต่ถ้าราดน้ำจิ้มแล้ว พร้อมทานล่ะ? แล้วยิ่งถ้าเราทานหมดแล้วล่ะ? ต่างคนต่างกลัวกลิ่น กลัวหก กระเป๋าเละอีก เพราะมีไม้จิ้มเป็นตัวเจาะถุงชั้นดี แถมเนื่องจากเหตุการณ์ระเบิดถังขยะเมืองหลายปีที่แล้ว ทำให้รัฐเอาถังขยะออกไปทั้งหมด กลายเป็นว่าเราไม่มีถังขยะทิ้งกันแล้ว ร้านข้างทางแก้ปัญหาด้วยการเอาขยะใส่ถุงขยะ กองๆกันไว้ข้างเสาไฟฟ้า
การแก้ปัญหา
ผู้ว่าที่เคารพแก้ไขด้วยการสร้างถังขยะที่ดัดด้วยเส้นอะลุมิเนียม แล้วเอาถุงใสใส่ไว้ข้างใน ผลคือ ฝนตกแล้วเน่าทันที ต่อมาพัฒนาเป็นถังขยะใสแบบในปัจจุบัน ที่ต้องเอาขยะผลักเข้าไปทิ้ง แต่ฝาผลักยากเหลือเกิน ท่านผู้ว่าบอกว่า กันแมลง (แน่สิ ขนาดคนยังต้องใช้แรงมหาศาล) สุดท้าย ตอนนี้หลายถังฝาหักไปเรียบร้อย แถมถังขยะก็เล็กไป ที่ที่มีร้านขายแน่ๆ ถังขยะมักเต็มด้วยความรวดเร็ว แต่ผู้คนก็ยังจะพยายามใส่เข้าไป จนมันล้น และเริ่มมีการวางไว้บนถังขยะแทน ส่วนแม่ค้าข้างทาง แน่ละใส่ไม่มีทางพอแม่ค้าเลยเอามัดใส่ถุงกองไว้ข้างๆขยะเหมือนเดิม กว่ารถเก็บขยะจะมาเก็บก็ตี 4 ทั้งหมาข้างทางเอย โชคร้ายฝนตกอีก ขยะเหล่านั้นจึงเน่าไปโดยปริยาย
เมื่อมีโครงการมา ก็กระตือรือร้นกันดี คนก็ทำตาม แต่มันทำไมไ่ด้ตลอดหรอก เพราะว่ารูปแบบชีวิตเราต่างกันเกินไป ถ้าอยากจะทำให้ได้ เราควรจัดระเบียบร้านทางเท้าก่อนเลย (เช่นตอนนี้ ไม่มีร้านทางเท้า ขยะลดลงอย่างเห็นได้ชัด) ต่อด้วยระบบขยะ รวมถึงการเก็บขยะบ้านเรา แล้วค่อยรงณรงค์ เราจะไปโยนภาระให้ตำรวจ หรือคนกลุ่มใดกลุุ่มหนึ่งไม่ได้ (มันไม่มีทางทำได้ตลอด) คนกรุงเทพที่ทำตามโครงการ จะได้รู้สึกว่าทำตามโครงการก็ไม่เห็นต้องเปลี่ยนแปลงชีวิตอะไรมาก (เพราะนิสัยคนไทย ไม่เห็นก็ไม่ซื้อ ไม่ซื้อก็ไม่มีขยะ) ถ้าทำแบบสบายๆไม่มีข้อขัดข้อง การเปลี่ยนความเคยชินจะง่ายขึ้น และสุดท้าย นี่อาจจะเป็นโครงการแรกที่ประสบความสำเร็จก็ได้นะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น